นายกรัฐมนตรีย้ำหลักการจัดสรรและกระจายวัคซีนทุกจังหวัดอย่างเท่าเทียมกัน ยืนยันรัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้ได้มากกว่า 100 ล้านโดส

นายกรัฐมนตรีย้ำหลักการจัดสรรและกระจายวัคซีนทุกจังหวัดอย่างเท่าเทียมกัน ยืนยันรัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้ได้มากกว่า 100 ล้านโดส

นายกรัฐมนตรีย้ำหลักการจัดสรรและกระจายวัคซีนทุกจังหวัดอย่างเท่าเทียมกัน ยืนยันรัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้ได้มากกว่า 100 ล้านโดส

วันที่ 8 มิถุนายน 2564 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี  พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำ การฉีดวัคซีนซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีน ณ สถานีกลางบางซื่อ ที่เป็นจุดฉีดวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ รองรับการฉีดวัคซีนประมาณหมื่นคนต่อวัน และจุดฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ณ อาคารกีฬาเวสน์ ดินแดง โดยวานนี้ (7 มิ.ย.) เป็น “วันคิกออฟ” ระดมฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ยอดรวมเฉพาะการฉีดวัคซีนมากกว่า 4 แสนโดส และมียอดสะสมผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนทั้งหมดมากกว่า 4.6 ล้านโดส โดยแบ่งเป็นผู้ได้ฉีดเข็มแรกแล้ว 3.2 ล้านคน และผู้ฉีดครบสองเข็ม 1.4 ล้านคน
 
นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ย้ำถึงหลักการการกระจายวัคซีนเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพในการควบคุมโรคมากที่สุด ได้แก่ ทุกจังหวัดจะต้องได้รับวัคซีนเพื่อให้เริ่มต้นการฉีดได้พร้อมกัน จำนวนวัคซีนที่แต่ละจังหวัดจะได้รับการจัดสรร ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสำคัญ คือ จำนวนประชากร อายุ จำนวนผู้ติดเชื้อ กลุ่มเสี่ยง อาชีพ และการเป็นพื้นที่เฉพาะ เช่น พื้นที่ท่องเที่ยว พื้นที่เศรษฐกิจ โดยแต่ละจังหวัดที่ได้รับวัคซีนจะเป็นผู้กำหนดการจัดสรรวัคซีนให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ ในจังหวัดเอง และ ประชาชนที่จองคิวแล้วจะต้องได้รับวัคซีน โดยยึดวันที่จองไว้เดิมให้ได้มากที่สุด  โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังขออภัยหากมีพี่น้องประชาชนที่ไม่ได้รับความสะดวก หรือเกิดการเปลี่ยนแปลง พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด
 
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะมีการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องให้ได้มากที่สุด เชื่อว่าระหว่างการรอวัคซีนที่ทำสัญญาซื้อ-ขายไว้แล้ว จะมีวัคซีนทยอยเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ในเดือนต่อ ๆ ไป เพื่อให้แต่ละจังหวัด แต่ละจุดฉีดวัคซีนสามารถบริหารจัดการได้สะดวกยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ประชาชนที่จองคิวแล้วถูกเลื่อนคิวฉีดอีก  ทั้งนี้ รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายการจัดหาวัคซีน 100 ล้านโดสและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันได้มีการทำสัญญากับ AstraZeneca ที่ผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์แล้ว 61 ล้านโดส Sinovac 6 ล้านโดส และมีแผนจะจัดซื้อเพิ่มอีก 8 ล้านโดส และคาดว่าจะสามารถทำสัญญากับ Pfizer เซอร์ และ Johnson & Johnson รวมกว่า 25 ล้านโดส นอกจากนี้ ยังจะมีวัคซีนอีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับมาจากการเจรจาทางความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ซึ่งในปีหน้าคาดว่าจะมีวัคซีนที่ผลิตโดยคนไทยเองด้วย ควบคู่ไปกับการใช้แพทย์แผนไทย ด้วยการนำสมุนไพรต่าง ๆ พัฒนาไปสู่กระบวนการผลิตเพื่อสร้างรายได้ ปรับเปลี่ยนวิธีการเพาะปลูกพืชให้แก่เกษตรกรอีกด้วย

.................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar